ข้างบ้านเรือใบ: เหนือกว่า ‘ทริปเบิ้ลแชมป์’ คือการบุกเฉือด ‘ไก่เดือยทอง’
แมนเซสเตอร์ ซิตี้ สามารถล้างอาถรรพ์สำหรับการยิงประตูในถิ่น ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ สเตเดี้ยม ได้สำเร็จด้วยผลงานประตูโทนจาก นาธาน อาเก้ ในช่วง 5 นาทีสุดท้าย หลังจากที่ยิงไม่ได้แม้แต่ประตูเดียวมาตลอด 5 เกมหลังสุดที่เล่นในสนามแห่งนี้
ย้อนกลับไปตอนจับสลากฟุตบอลถ้วยเอฟเอคัพ รอบ 4 เชื่อว่าแฟนบอลหลายคนต้องอุทานพร้อมกันว่า ‘งานเข้าแล้ว’ หรือบางคนอาจถอดใจในถ้วยนี้ไปเลยก็ได้ ก็เพราะว่า เราดันจับเจอทีมที่เป็นเสมือน ของแสลง ที่ไม่ว่าเจอกี่ครั้ง ฟอร์มจะต่างกันแค่ไหน นักเตะจะบาดเจ็บกี่คน ก็ดูจะไม่มีผลต่อเกมการแข่งขัน เพราะในตอนจบ แมนฯ ซิตี้ จะแพ้
เชื่อว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เองก็รู้ถึงเรื่องนี้เช่นกัน และคงทำการบ้านอย่างหนักเพื่อให้ทีมล้างอาถรรพ์ตรงนี้ได้สำเร็จด้วยการเล่นในสไตล์ครองบอลที่เราถนัด แต่ที่ต่างออกไปคือ มัตเทโอ โควาซิส ที่เล่นคู่ โรดรี้ ได้อย่างยอดเยี่ยม จนได้รางวัล แมน ออฟ เดอะ แมทซ์ ไปครอบครอง แต่จุดเปลี่ยนของเกมก็คงไม่พ้นการลงสนามของ ราชา อย่าง เควิน เดอ บรอยน์ แม้ว่าเขาจะไม่มีชื่อในการทำประตูหรือแอสซิสต์ก็ตาม แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่า การเปิดลูกเตะมุมของเขาเป็นจุดเริ่มต้นของการยิงประตูในนาทีที่ 88
หลังจากนี้เราอาจสามารถคาดหวังในชัยชนะของเกมที่จะเจอกันอีกครั้งระหว่างคู่นี้ในศึกพรีเมียร์ลีกนัดที่ 2 ในบ้านของ สเปอร์ส เพราะนัดแรกที่เจอกันที่ สนามเอธิฮัด เราก็โดนทำแสบด้วยการแบ่งแต้มแบบน่ากังขาจากลูกที่หลุดเดี่ยวของ แจ็ค กรีลิซ แต่ดันโดนกรรมการเป่าให้ฟาวล์ย้อนหลังในจังหวะที่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ โดนผู้เล่นผ่ายตรงข้ามเสียบสกัด ซึ่งภายหลังได้มีการประกาศออกมาแล้วว่า เป็นความผิดพลาดของกรรมการในสนามและไม่สามารถทำอะไรได้นอกจาก ‘ขอโทษ’
ในฐานะแฟนบอล แมนฯ ซิตี้ ต้องบอกว่าทุกครั้งที่ต้องออกไปเยือน สเปอร์ส ไม่เคยรู้สึกดีเลยสักครั้งเพราะสถิติที่ผ่านมาบ่งบอกชัดเจนเลยว่า เราแพ้ทาง และครั้งนี้เราสามารถบุกชนะได้สำเร็จเป็นอะไรที่ สะใจ มากๆ และหวังว่าหลังจากนี้เราจะทำมันได้อีกหลายครั้ง…
เขียนโดย The Lite Team